Wednesday, December 12, 2007

กรณีศึกษา:พยาธิ Strongyloides spp. ในชะนี

"กรณีศึกษา:พยาธิ Strongyloides spp. ในชะนี"


โดย สัตวแพทย์หญิงมนทกานติ์ วงศ์ภากร

กลุ่มโรคสัตว์น้ำและสัตว์ป่า สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ




คำนำ

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 Mr.Edwin Wiek ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า วัดเขาลูกช้าง อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี 76130 ได้นำซากของชะนีพันธุ์มือขาว เพศเมีย อายุ 2 ปี มาที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ เพื่อหาสาเหตุของการตาย โดยทราบข้อมูลว่าชะนีป่วยมา 4-5 วันแล้ว ก่อนตาย มีอาการ ซึม อ่อนเพลีย กินอาหารไม่ได้ ท้องเสียอุจจาระเหลว อาเจียนมีสีเขียว สภาพแวดล้อมของฟาร์มจะใช้ตาข่ายล้อมต้นไม้ ให้อาหารเป็นผัก ผลไม้ ใบไม้ ประวัติการให้ยา มีการให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี และให้ยา ivermectin เพื่อถ่ายพยาธิ ทุก 6 เดือน ชะนีที่เลี้ยงไว้มี 35 ตัว เป็นพันธุ์มือขาว 25 ตัว พันธุ์แขนขาว 5 ตัว ตายไปแล้ว 5 ตัว เจ้าของเคยนำซากไปตรวจวินิจฉัยที่อื่นแต่ไม่พบสาเหตุการตาย ในการป่วยครั้งนี้เจ้าของให้ยา enrofloxacin และ gentamycin ผลของการให้ยาพบว่าอาการไม่ดีขึ้น และชะนีได้ตายในเวลาต่อมา ปัจจุบันยังมีชะนีป่วยอีก 5 ตัว

การตรวจตัวอย่าง
ทำการผ่าซากตรวจดูรอยโรค แล้วเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อส่งตรวจห้องปฏิบัติการต่างๆคือ สมอง หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ไตและลำไส้ ส่งตรวจทางจุลพยาธิวิทยาและแบคทีเรียวิทยา ตับส่งตรวจทางชีวเคมีและพิษวิทยา และลำไส้ส่งตรวจทางปาราสิตวิทยา

ผลการผ่าซาก
พบปอดมีเลือดคั่งอย่างรุนแรงที่ diaphragmatic lobe ทั้ง 2 ข้าง มีจุดเนื้อตายสีเทา-เหลืองในส่วนของปอดทั้งช่วงบนและช่วงล่าง ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่มีของเหลวเหลืองปนมูกร่วมกับไฟบริน


ผลการตรวจชิ้นเนื้อทางจุลพยาธิวิทยา
ปอดพบการอักเสบแบบมีหนอง โดยพบเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล แทรกอยู่ในเนื้อเยื่อปอดร่วมกับการมีเลือดออกอย่างรุนแรง
ลำไส้พบการอักเสบ ร่วมกับเนื้อตาย และมีการลอกหลุดของเซลล์ชั้นบนของเยื่อบุ โดยพบเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซด์ และอีโอสิโนฟิลจำนวนมาก ในชั้นลามินา โพรเพรีย (laminar propria)

ผลการตรวจทางแบคทีเรียวิทยา
ไม่พบเชื้อแบคทีเรียชนิดก่อโรค

ผลการตรวจทางชีวเคมีและพิษวิทยา
ไม่พบยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟต และกลุ่มคาร์บาเมต จากตัวอย่างเนื้อเยื่อตับ


ผลการตรวจทางปาราสิตวิทยา
พบตัวพยาธิในเยื่อเมือกของลำไส้เล็กโดยการขูดเยื่อเมือกจากลำไส้ (scraping) แล้วนำมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ จากบริเวณที่พบสันนิษฐานว่าเป็น Strongyloides spp. จึงแนะนำให้ส่งอุจจาระของชะนีตัวอื่นที่ป่วยมาตรวจด้วย
ต่อมา เจ้าของได้นำอุจจาระของชะนีป่วยอีก 5 ตัวอย่าง และค่างป่วยอีก 1 ตัวอย่าง มาส่งตรวจ ผลการตรวจพบไข่ของ Strongyloides spp. และ Trichuris spp. ในชะนี 4 ตัวอย่าง และไข่ของ Strongyloides spp. ในค่าง 1 ตัวอย่าง จึงแนะนำเจ้าของให้ถ่ายพยาธิชะนีและค่างทุกตัวด้วยยา Thiabendazole 100 มิลลิกรัม ต่อ กิโลกรัมน้ำหนักตัว โดยให้กิน 2 ครั้ง ห่างกัน 2 สัปดาห์ และล้างพื้นคอกให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
** 3 เดือนต่อมา ได้ติดตามอาการของโรค พบว่าตัวที่ป่วยอาการดีขึ้น ไม่มีการป่วยหรือตายอีก **


จากการสืบค้นข้อมูล พบว่า Strongyloides spp. หรือพยาธิเส้นด้าย เป็นพยาธิตัวกลมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์ประเภทลิงรวมทั้งคนเป็นอย่างมาก โดยเชื้อนี้จะติดได้ทั้งทางปากและการชอนไชเข้าทางผิวหนัง อาการที่พบจะไม่แน่ชัดแต่จะมีอาการท้องเสียร่วมด้วย การไอจะพบในกรณีที่ตัวอ่อนเดินทางผ่านปอด (visceral larva migrans) ในการผ่าซากจะพบว่าลำไส้เกิดแผลหลุมและมีเลือดคั่ง ปอดจะมีเลือดคั่ง ส่วนพยาธิเต็มวัยจะฝังตัวในเยื่อเมือกของลำไส้เล็กส่วนต้น จากนั้นจะออกไข่ในเยื่อเมือก ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน และตัวอ่อนบางส่วนจะออกมากับอุจจาระ หรือบางส่วนอาจจะไชไปยังส่วนต่างๆของร่างกายทำให้ในบริเวณนั้นเกิดอันตรายได้ โดยในกรณีที่ผ่านผิวหนังจะพบอาการคันและเป็นผื่นแดง ผ่านปอดจะทำให้เกิดปอดบวม และในบางครั้งจะพบการตายเนื่องจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ โรคนี้จะร้ายแรงมากในไพรเมท (DePaoli and Johnsen, 1978) การทำความสะอาดคอกอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้

Reference
- DePaoli, A. and Johnsen, D.O. 1978. Fatal strongyloidiasis in gibbon (Hyalobates lar). Veterinary Pathology 15(1) :31.

กิตติกรรมประกาศ
ขอขอบคุณ ผศ.ดร.พารณ ดีคำย้อย ภาควิชาปรสิตหนอนพยาธิ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดลที่กรุณาตรวจต้นฉบับ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติทุกท่าน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กลุ่มปาราสิตวิทยาที่ให้ความร่วมมือในการชันสูตร

1 comment:

YingeXtreme said...

ขอบพระคุณคุณหมอมนกานติ์ สำหรับข้อมูลความรู้นี้นะคะ เหะๆๆ เหตุการณ์เกิดที่เดียวกับบ้านญ.เลย (อ.ท่ายาง เพชรบุรี)การค้นหาสาเหตุการตายของสัตว์นี่ลำบากจริงๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกท่านค่ะ พยาธิเส้นด้ายนี่น่ากลัวจังเลยค่ะ สามารถทำให้ตายได้ขอขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลความรู้อันเป็นประโยชน์นะคะ..